วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Prison break แผนลับแหกคุกนรก




Prison Break แผนลับแหกคุกนรก เป็นละครชุดแนวแอ็กชั่น- ดรามา ทางโทรทัศน์ ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์ เมื่อ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องสองคน พี่ชายได้รับการตัดสินว่าเป็นอาชญากร แต่เขาไม่ได้ทำ ส่วนอีกคนเป็นอัจฉริยะ เป็นคนคิดแผนอันซับซ้อนที่จะทำให้เขาหนีออกจากคุกได้ ซีรีส์นี้สร้างสรรค์โดยพอล เชอริง สร้างโดยอะเดลสไตน์-พาเราส์ โปรดักชัน ในความร่วมมือของออริจินัล เทเลวิชัน และ ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ เทเลวิชัน และผู้อำนวยการสร้างทีมปัจจบันคือ เชอริง, แมตต์ โอล์มสเตด, เควิน ฮุกส์, มาร์ตี อะเดลสไตน์, ดอว์น พาเราซ์ โอล์มสไตด, นีล เอช. มอริตซ์ และเบร็ตต์ แรตเนอร์  ดนตรีประพันธ์โดย รามิน ดจาวาดิ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมีไพรม์ไทม์ในปี 2006 ด้วย

หลังจากจบฤดูกาลที่ 3 ต่อมาในฤดูกาลที่ 4 มีแผนว่าจะมี 22 ตอน ออกอากาศปฐมทัศน์โดยเป็น 2 ตอนต่อเนื่องกันเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2008 ในอเมริกาเหนือ และ 2 กันยายน ค.ศ. 2008 ในสหราชอาณาจักร โดย แผนลับแหกคุกนรก มีเนื้อเรื่องที่มีโครงสร้างสัมพันธ์ต่อเนื่องกันเหมือนที่คุ้นเคยในฤดูกาลแรก ใน 3 ฤดูกาลแรกของซีรีส์นี้ถ่ายทำนอกฮอลลีวูด โดยในฤดูกาลแรกถ่ายทำรอบ ๆ เมืองชิคาโก และถ่ายทำในคุกโจเลียต ต่อมาในฤดูกาลที่ 2 และ 3 ถ่ายทำในเมืองเล็ก ๆ ในดัลลาส ส่วนในฤดูกาลที่ 4 ถ่ายทำในลอสแอนเจลิส


แนวความคิด

แนวความคิดเริ่มแรกของ แผนลับแหกคุกนรก คือมีคนที่ได้วางแผนอย่างรอบคอบให้ตัวเองได้เข้าคุกเพื่อช่วยใครบางคน (ในที่นี้หมายถึง พี่ชาย) ให้หนีออกจากคุก เป็นแนวความคิดจากผู้สร้าง ดอว์น พาเราส์ ที่แนะนำให้พอล เชอริง โดยดอว์นต้องการสร้างซีรีส์แอ็กชันสักเรื่อง ถึงแม้ว่าเชอริงจะคิดว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่เขาก็งงว่าจะมีใครจะทำเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ หรือเขาจะพัฒนาให้เป็นรายการที่ใช้จริงในโทรทัศน์ได้ เขานึกเรื่องออกในเรื่องที่พี่ชายถูกป้ายสีความผิด และเริ่มที่จะเขียนพล็อตเรื่องคร่าว ๆ และออกแบบตัวละคร จนในปี 2003 เขาได้นำเสนอความคิดนี้ให้กับสถานีฟ็อกซ์ แต่ฟ็อกซ์ปฏิเสธไปเนื่องจากกังวลเรื่องเนื้อหาที่อาจยืดเยื้อของซีรีส์นี้ เขาได้นำแนวความคิดนี้ไปเสนอกับช่องอื่น ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน ที่เห็นว่ามันเหมาะสำหรับสร้างเป็นภาพยนตร์มากกว่ารายการซีรีส์ทางโทรทัศน์ แผนลับแหกคุกนรก ได้รับการพิจารณาในเวลาต่อมาในความเป็นไปได้ที่จะสร้างมินิซีรีส์ 14 ตอน และได้รับความสนใจจากสตีเวน สปีลเบิร์กก่อนที่เขาจะออกไปพัฒนาและสร้างใน War of the Worlds

มินิซีรีส์ไม่ได้สร้างจริง อันเป็นผลมาจากการได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับรายการซีรีส์ไพรม์ไทม์อย่าง อสุรกายดงดิบ และ 24 ฟ็อกซ์จึงเปลี่ยนใจสร้างในปี 2004 ตอนแรกที่ชื่อ "The pilot" เริ่มถ่ายทำหลังจากที่เชอริงเขียนบทเสร็จ หลังจากนั้น 5 เดือน รายการนี้จึงได้รับการประชาสัมพันธ์


สถานที่ถ่ายทำ

สถานที่หลักในการถ่ายทำในฤดูกาลที่ 1 ของ แผนลับแหกคุกนรก คือในเมืองและรอบเมืองชิคาโก และใช้คุกจูเลียตซึ่งปิดตัวตั้งแต่ปี 2002 โดยเริ่มถ่ายทำในปี 2005 โดยเนรมิตให้เป็นคุกฟ็อกซ์ริเวอร์สเตตในซีรีส์เรื่องนี้ ฉากห้องขังของลินคอล์น, สถานพยาบาล และสนามในคุกล้วนแต่ถ่ายทำที่คุกจูเลียต ห้องขังของลินคอล์นเป็นห้องเดียวกับที่จอห์น เวย์น กาซี ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังถูกกักขังในห้องนี้ ในการถ่ายทำส่วนใหญ่ ทีมงานสร้างปฏิเสธที่จะเข้าห้องนี้ เพราะคิดว่ามันทำให้พวกเขาหลอน อีกฉากคืออาคารในคุก รวมถึงที่รวมห้องขังของนักโทษทั่วไปที่มี 3 ชั้น (ซึ่งในคุกจริงมีเพียง 2 ชั้น) และมีห้องขังที่ใหญ่กว่าของจริงเพื่อที่นักแสดงและกล้องสามารถทำงานได้สะดวก ฉากภายนอกคุกถ่ายทำรอบ ๆ เมืองชิคาโก, วูดสต็อก และ จูเลียตในอิลลินอยส์ ส่วนที่อื่นเช่น สนามบินนานาชาติโอ'แฮร์ในชิคาโกและโตรอนโต ออนทาริโอในแคนาดา โดย แผนลับแหกคุกนรก ใช้เงินต่อตอนที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับถ่ายในอิลลินอยส์ ซึ่งมีรายจ่ายรวม 24 ล้านเหรียญในปี 2005

ในฤดูกาลที่ 2 เริ่มถ่ายทำเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2006 ในดัลลัส เท็กซัส เนื่องจากเท็กซัสมีความใกล้เคียงสถานที่ในชนบทและในเมือง สถานที่สามารถเดินทางภายใน 30 นาทีในดัลลัส คือที่ลิตเติลเอล์ม, ดีคาเทอร์ และ มิเนอรอลเวลส์ สถานที่เหล่านี้ใช้แสดงเป็นเมืองหลาย ๆ แห่งในอเมริกา มีการใช้เงินมากกว่าตามคาดไว้ 50 ล้านเหรียญในดัลลัส ใน 3 ตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 2 ถ่ายทำที่เพนซาโคลา ฟลอริดา โดยแสดงเป็นฉากในประเทศปานามา แต่ละตอนใช้เวลา 8 วันในการถ่ายทำและใช้เงิน 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐในการใช้จ่ายต่อตอนในท้องที่นั้น

ในฤดูกาลที่ 3 ถ่ายทำในเท็กซัส มีงบประมาณ 3 ล้านเหรียญต่อตอน ฉากถ่ายทำข้างนอกหลายฉากที่ลินคอล์นและเกร็ตเชนต่อรองการหลบหนีจากคุกปานามา ถ่ายทำที่ Casco Viejo ในปานามาซิตี

ในฤดูกาลที่ 4 ถ่ายทำในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย


ดนตรี


เพลงธีมประกอบซีรีส์ แผนลับแหกคุกนรก ในแต่ละตอนประพันธ์โดย รามิน ดจาวาดิ เพลงสกอร์ใน 2 ฤดูกาลแรกบรรจุอยู่ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ชุด Prison Break: Original Television Soundtrack ออกวางขายเมื่อ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ดจาวาดิและเฟอร์รี คอร์สเตน โปรดิวซ์เพลงเวอร์ชันรีมิกซ์ของเพลงธีม ที่ชื่อ "Prison Break Theme (Ferry Corsten Breakout Mix)" ตัดออกเป็นซิงเกิล ออกวางขายโดยฟ็อกซ์มิวสิก ในปี 2006

ในยุโรป เพลงของแร็ปเปอร์ ฟาฟ ลาราจ ชื่อเพลง "Pas le temps" ใช้ในสถานีโทรทัศน์ช่อง เอ็ม 6 ในฝรั่งเศสแทนเพลงธีมดั้งเดิม ซึ่งเป็นการสร้างการประชาสัมพันธ์และช่วยทำให้เข้ากับท้องถิ่นอีกด้วย[17] เช่นเดียวกันกับในเยอรมนีและเบลเยียม มีเพลง "Ich glaub' an Dich (Prison Break Anthem)" (โดย Azad and Adel Tawil) และ "Over the Rainbow" (โดย Leki) ตามลำดับ






นักแสดง

แผนลับแหกคุกนรก มีตัวละครรวมอยู่มากมายหลายตัวละครสำคัญมากกว่า 10 ในแต่ละฤดูกาลยังมีแขกรับเชิญอีก ในฤดูกาลแรกตัวละครจะปรากฏตัวในคุกฟ็อกซ์ริเวอร์สเตตและในชิคาโกเป็นหลัก ในฤดูกาลที่ 2 ตัวละครส่วนใหญ่ต่อเนื่องมาจากฤดูกาลที่ 1 และเพิ่มนักสืบเอฟบีไอ ที่ตามหา 8 นักโทษที่หนีออกจากฟ็อกซ์ริเวอร์ไป ในฤดูกาลที่ 3 มีตัวละครใหม่อีก 4 คน โดย 2 คนเป็นนักโทษจาก Penitenciaría Federal de Sona หรือคุกสหพันธ์โซนา) สิ่งที่เปลี่ยนเพราะเกิดจากตัวละครที่ตายไป พอล เชอริง ผู้สร้าง อธิบายว่าการตายของตัวละครสำคัญ "ทำให้คนดูรู้สึกหวาดกลัวกับตัวเอก" และ "ยังช่วยให้เราสามารถลดเรื่องราวลงได้"[18] ตัวเอก 2 คนของซีรีส์ ลินคอล์น เบอร์โรว์ส และ ไมเคิล สโคฟิลด์ เป็น 2 ตัวละครที่ปรากฏในทุกฤดูกาล

โดมินิก เพอร์เซลล์ ( Dominic Purcell)





แสดงเป็น ลินคอล์น เบอร์โรวส์ ( Lincoln Burrows) : ลินคอล์นถูกปรักปรำในคดีฆาตกรรมเทเรนซ์ สเตดแมน น้องชายของรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เพอร์เซลล์ได้เข้าไปทดสอบบทก่อนที่จะเริ่มในส่วนโปรดักชัน 3 วัน และเป็นนักแสดงคนสุดท้ายที่จะได้รับบทสำคัญนี้ เขาเข้ามาทดสอบบทขณะที่รับบทเป็น ทอมมี ราเว็ตโตใน North Shore หลังจากที่ได้ร่วมงานกับจอห์น โด เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับช่องฟ็อกซ์ หลังจากนั้นเขาก็ได้สคริปต์บทนักบินใน แผนลับแหกคุกนรก ในตอนแรก เชอริงคิดว่าเพอร์เซลล์ดู "หวานไป" หลังจากออดิชันแล้วเขาก็เปลี่ยนทรงผมและทำสีผิวสีแทน อย่างไรก็ตามเพอร์เซลล์ได้รับบทบาทนี้และไปถ่ายทำวันแรกโดยโกนผมทิ้ง ซึ่งทำให้เชอริงดูประหลาดใจกับภาพที่เขาคิดไว้ในหัวกับ 2 นักแสดงนำ


เวนท์เวิร์ท มิลเลอร์ ( Wentworth Miller)




แสดงเป็น ไมเคิล สกอฟิลด์ ( Michael Scofield) : ไมเคิลเป็นน้องชายของลินคอล์นและทำงานเป็นวิศวกรโครงสร้างก่อนที่จะเข้ามาช่วยเหลือพี่ชายของเขา ไมเคิลได้วางแผนการอันซับซ้อนช่วยพี่ชายออกจากคุก ในบทสัมภาษณ์พอล เชอริงเขาพูดว่านักแสดงหลายคนที่มาทดสอบบทนี้ "จะแสดงดูลึกลับ ซึ่งเขาว่ามันดูน่าเบื่อและผิด" ก่อนที่จะเริ่มภาคการผลิต มิลเลอร์เข้ามาทดสอบบทและประทับใจเชอริงในการแสดง เขาได้รับเลือกในวันต่อมา


โรบิน ทันนีย์ ( Robin Tunney)




แสดงเป็น เวโรนิกา โดโนแวน ( Veronica Donovan) : เวโลนิกาเป็นเพื่อนในวัยเด็กของไมเคิลและลินคอล์น ตัดสินใจที่จะรื้อฟื้นคดีของลินคอล์นใหม่ตามคำขอร้องของไมเคิล เธอกลายมาเป็นทนายของลินคอล์นและเป็นตัวละครหลักในฤดูกาลแรก


มาร์ชาลล์ ออลแมน ( Marshall Allman)



แสดงเป็น แอล. เจ. เบอร์โรวส์ ( L. J. Burrows) : แอล. เจ. เป็นลูกชายของลินคอล์น เบอร์โรวส์ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินความตายของพ่อเขา เขาอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องซ่อนตัว และเป็นเป้าหมายของคนที่ต้องการให้ลินคอล์นตาย

อเมารี โนลาสโก ( Amaury Nolasco)



แสดงเป็น เฟอร์นานโด ซุเครอ ( Fernando Sucre) : ซูเครเป็นเพื่อนร่วมห้องในคุกฟ็อกซ์ริเวอร์เสตต ได้พัฒนาเป็นเพื่อนของไมเคิล และได้เป็นกลุ่มเดียวกันกับไมเคิลและลินคอล์น ตัวละครนี้มีความต้องการที่จะกลับไปคืนดีกับแฟนสาวของเขา หลังจากที่ได้รับบททดลอง โนลาสโกคิดว่า "เป็นบทที่ล้มเหลวที่คนดูไม่ได้ต้องการ" หลังจากที่เริ่มในภาคผลิต เขายอมรับว่าเขาไม่ชอบอ่านบท โนลาสโกก็ประหลาดใจว่ามันทำให้เขาพลิกบทไปมา หลังจากออดิชันครั้งสุดท้าย โนลาสโกก็รู้สึกตื่นเต้นที่พอล เชอริงบอกกับเขาว่าเขาเป็นตัวเลือกที่เขาชื่นชอบ ซึ่งต่อมาเขาก็ได้รับบทนี้

โรเบิร์ต เน็ปเปอร์ ( Robert Knepper)



แสดงเป็น ธีโอดอร์ "ที-แบก" แบกเวลล์ (Theodore "T-Bag" Bagwell) : ที-แบกปรากฏตัวในทั้ง 4 ฤดูกาล ที่มีบุคลิกเจ้าเล่ห์ ดูรุนแรง อารมณ์แปรปรวน ถูกดูถูกจากคนรอบข้างเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตด้วยคดีฆ่าข่มขืน

ปีเตอร์ สตอร์แมร์ ( Peter Stormare)


แสดงเป็น จอห์น อบรุซซิ ( John Abruzzi) : เป็นผู้นำแก๊งค์มาเฟียในชิคาโก ที่เข้ามาเป็นผู้นำในคุกฟ็อกริเวอร์สเตด เขาเตรียมเครื่องบินไว้สำหรับการหนีออกจากคุกตามแผนของไมเคิล แลกเปลี่ยนกับที่สถานที่ของพยานในคดีของเขา


ร็อกมอนด์ ดันบาร์ ( Rockmond Dunbar)




แสดงเป็น เบนจามิน ไมลส์ "ซี-โน้ต" แฟรงกลิน ( Benjamin Miles "C-Note" Franklin) : เกิดในครอบครัวอันเลวร้าย ซี-โน้ตเข้าไปอยู่ในคุกฟอกซ์ริเวอร์และเมื่อรู้ความลับจากไมเคิลว่าจะแหกคุกออกไป เขาจึงขู่ว่าจะเปิดโปงความลับ เขามีบทบาทสำคัญในฤดูกาลที่ 1 และ 2

เวด วิลเลียมส์ (Wade Williams)



แสดงเป็น แบรด เบลลิก ( Brad Bellick) : เขาปรากฏตัวในทั้ง 4 ฤดูกาล เบลลิกเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ฟอกซ์ริเวอร์ หลังจากที่ได้อ่านบท วิลเลียมส์ไม่ต้องการที่จะพรรณาถึงบทเบลลิกเพราะตัวละครเลวร้าย ที่เขารู้สึกไม่ชอบเพราะด้วยความที่เขามีลูกสาววัย 4 ขวบ อย่างไรก็ตามผู้จัดการของเขาก็ได้ชักชวนให้มาออดิชัน และเขาก็ได้รับบทบาทเป็นเบลลิก

ซาราห์ เวย์น แคลลียส์ ( Sarah Wayne Callies)




แสดงเป็น ซารา แทนเครดิ ( Sara Tancredi) : :ซาราเป็นหมอที่ทำงานอยู่ในคุกฟ็อกซ์ริเวอร์และเป็นลูกสาวของผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ที่มีจุดเชื่อมโยงกับโครงเรื่องที่นำลินคอล์นสู่คุกฟ็อกซ์ริเวอร์ เธอหลงชอบไมเคิล เธอช่วยเหลือนักโทษออกจากคุกและได้มีส่วนในการหนีหลังจากนั้นเธอก็ท้องกับสโคฟิลด์ แคลลียส์เป็นนักแสดงหญิงคนแรกที่ผู้สร้างเห็นในการทดสอบบทสำหรับบท ซารา แทนเครดิ นี้ และก็เป็นคนแรกที่ได้รับบทสำคัญนี้

พอล อเดลสไตน์ ( Paul Adelstein)



แสดงเป็น พอล เคลเลอร์แมน ( Paul Kellerman) : เคลเลอร์แมนเป็นนักสืบลับของซีเครตเซอร์วิต ทำงานให้กับรองประธานาธิบดีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าแผนโยนความผิดให้ลินคอล์นที่วางไว้จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ท้ายสุดท้ายจากบทผู้ร้ายทำให้พลิกมาเป็นพวกของไมเคิลและลินคอล์น บทนี้เป็นบทสำคัญในฤดูกาลแรกและฤดูกาลที่ 2

วิลเลียม ฟิชต์เนอร์ ( William Fichtner)




แสดงเป็น อเล็กซานเดอร์ มาโฮน (Alexander Mahone) : เป็นนักสืบเอฟบีไอในฤดูกาลที่ 2 มาโฮนได้รับคำมอบหมายให้มาหาผู้หลบหนี ซึ่งต้องชิงไหวชิงพริบกับไมเคิล ภูมิหลังของเขาไม่ได้ถูกเปิดเผย

โรเบิร์ต วิสดอม ( Robert Wisdom) แสดงเป็น เลเชโร ( Lechero) : เป็นตัวละครสำคัญในฤดูกาลที่ 3 เขาเป็นนักโทษจากโซนาและเป็นคนพ่อค้ายาคนสำคัญของปานามา

คริส แวนซ์ ( Chris Vance) แสดงเป็น เจมส์ วิสท์เลอร์ (James Whistler) : วิสท์เลอร์ถูกคุมขังในคุกโซนาจากคดีฆาตกรรมลูกชายของนายกเทศมนตรีปานามาซิตี้และปรากฏตัวเป็นตัวละครสำคัญในฤดูกาลที่ 3

โจดิ ลิน โอ'คีฟ ( Jodi Lyn O'Keefe) แสดงเป็น เกร็ตเชน มอร์แกน ( Gretchen Morgan) : ในชื่อ ซูซาน บี. แอนโธนี เขาเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานให้ความสะดวกในการหลบหนีของเจมส์ วิสเซิล

ดาเนย์ การ์เซีย ( Danay Garcia) แสดงเป็น โซเฟีย ลูโก ( Sofia Lugo) : โซเฟียปรากฏในฤดูกาลที่ 3 ในฐานะแฟนสาวของวิสเซิล

ไมเคิล ราพาพอร์ต ( Michael Rapaport) แสดงเป็น โดนัลด์ เซลฟ์ ( Donald Self) : เซลฟ์เป็นนักสืบพิเศษอยู่ในโฮมแลนด์เซคิวริตี

เลนส์ การ์ริสัน ( Lane garrison) แสดงเป็น เดวิด "ทวีเนอร์" อโพลสกี้ ( David "Tweener" Apolski) นักโทษในคดีปล้นทรัพย์เป็นหนึ่งในกลุ่มฟ็อกริเวอร์ 8 (กลุ่มผู้หลบหนีของสโคฟิลด์) มีบทบาทในฤดูกาลที่ 1 กับฤดูกาลที่ 2 แต่สุดท้ายถูกมาโฮนฆ่าทิ้งริมทางขณะถูกควบคุมตัวกลับฟ็อกซ์ริเวอร์



สรุปเนื้อเรื่อง

ฤดูกาลที่ 1


มีอยู่ 22 ตอน เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 ถึง 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ทางช่องฟ็อกซ์ในสหรัฐอเมริกา ลินคอล์น เบอร์โรวส์ (โดมินิก เพอร์เซลล์) ได้รับโทษฐานฆาตกรรมเทอร์เรนส์ สเตดแมน (เจฟฟ์ เพอร์รี) น้องชายของรองประธานาธิบดี ด้วยหลักฐานอันหนาแน่นทำให้เขาถูกตัดสินว่าผิดจริง ลินคอล์นถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกส่งไปกักกันตัวที่คุกฟ็อกซ์ริเวอร์สเตตเพื่อรอรับโทษ น้องชายของลินคอล์นผู้เฉลียวฉลาดเป็นวิศวกรโครงสร้างชื่อ ไมเคิล สโคฟิลด์ (เวนท์เวิร์ท มิลเลอร์) ได้พยายามจะวางแผนช่วยพี่ชายของเขาหนีออกจากคุก เขาทำการปล้นธนาคารเพื่อให้ได้จำคุกที่คุกฟอกซ์ริเวอร์ที่เดียวกับพี่ชาย เขาได้ทำงานแข่งกับเวลาอีกทั้งอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเขาร่วมมือกับนักโทษภายในคุกเพื่อจะเอาพี่ชายของเขาออกมา ส่วนเพื่อนในวัยเด็กของพวกเขา เวโรนิกา โดโนแวน (โรบิน ทันนีย์) ที่เริ่มจากการสืบสวนการวางแผนลับที่นำไปสู่การเข้าตารางของลินคอล์น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ถูกตามล่า ขัดขวางจากกลุ่มนักสืบที่เป็นหน่วยของเดอะคอมปานี โดยเดอะคอมปานีทำหน้าที่วางแผนในเหตุการณ์ของลินคอล์น ทั้ง 2 พี่น้องรวมถึงเพื่อนร่วมแก๊งค์อีก 6 ที่ประกอบด้วย ซูเคร (อเมารี โนลาสโก), ที-แบ็ก (โรเบิร์ต เน็ปเปอร์), ซี-โน้ต (ร็อกมอนด์ ดันบาร์), ทวีเนอร์ (เลน การ์ริสัน), อบรุซซิ (ปีเตอร์ สตอร์แมร์) และเฮย์ไวร์ (ซิลาส ไวร์ มิตเชลล์) ที่เป็นนักโทษแหกคุกในฤดูกาลแรก






ฤดูกาลที่ 2



มีอยู่ 22 ตอน เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2006 ถึง 2 เมษายน ค.ศ. 2007 ทางช่องฟ็อกซ์ในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นด้วย 8 ชั่วโมงหลังจากการหลบหนีออกจากคุก โดยมีเนื้อหาเน้นไปที่ผู้หลบหนี โดยพอล เชอริงอธิบายถึงฤดูกาลที่ 2 ว่าเหมือน "ภาพยนตร์เรื่อง The Fugitive คูณแปด" และตอนช่วงครึ่งท้ายเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง The Great Escape[12] ผู้หลบหนีได้แยกย้ายกันในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศโดยมีเจ้าหน้าที่ไล่ล่าพวกเขาอยู่ พวกเขาแต่ละคนก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันไป แบรด เบลลิก (เวด วิลเลียมส์) ถูกไล่ออกจากคุกที่ที่เขาทำงานเป็นผู้คุมอยู่ในฤดูกาลที่ 1 และไล่ติดตามเพื่อเงินรางวัลนำจับ มีผู้หลบหนีได้รวมตัวกันเพื่อที่จะเอาเงินก้อนใหญ่ที่ถูกฝังเมื่อนานมาแล้วจากคำบอกเล่าของคนในคุก (ดีบี คูเปอร์) ที-แบ็ก เอาเงินและหลบหนีมาได้ ส่วน 2 พี่น้อง ในช่วงหลังจะไล่ล่าตามเขา ทั้งคู่ก็ต้องการเงินเพื่อหลบหนีออกนอกประเทศ และสโคฟิลด์รู้สึกผิดที่เป็นเหตุของฆาตกรคนนี้ที่ลอยนวลอยู่

เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ อเล็กซานเดอร์ มาโฮน (วิลเลียม ฟิชต์เนอร์) ได้รับหน้าที่ให้ติดตามผู้หลบหนีทั้ง 8 คน แต่เขาเองก็ได้ทำงานให้กับเดอะคอมปานี กลุ่มที่ต้องการหมายหัวคนทั้ง 8 โดยเฉพาะลินคอล์น ที่ต้องการให้เขาตาย ผู้หลบหนีหลายคนถูกฆ่าตายและถูกจับ แต่สองพี่น้องหนีไปปานามาได้ ในตอนสุดท้าย อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ทำงานให้กับเดอะคอมปานีในความควบคุมของประธานาธิบดี ได้ทำให้ลินคอล์นพ้นความผิด ขณะที่ไมเคิล ที-แบ็ก และมาโฮนถูกจับโดยสถานกักกันปานามา และเป็นนักโทษที่คุกโซนา หรือ Penitenciaría Federal de Sona ที่พวกเขาพบกับเบลลิกที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้




ฤดูกาลที่ 3 




มีอยู่ 13 ตอน หลังจากที่ตัดออกจาก 12 ตอนเนื่องจากการประท้วงของสมาคมไรเตอร์ไกด์ เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 17 กันยายน ค.ศ. 2007 ถึง 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ทางช่องฟ็อกซ์ในสหรัฐอเมริกา ในฤดูกาลนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องเมื่อไมเคิลถูกจองจำในคุกโซนาและลินคอล์นอยู่ภายนอก คุกโซนาควบคุมโดยผู้คุมขังและผู้คุมควบคุมจากภายนอกหลังจากที่มีการก่อจราจลในคุกก่อนหน้านี้ เบอร์โรวส์ได้รับการติดต่อจากเดอะคอมปานีที่ได้ทำการลักพาตัวแอลเจ (มาร์แชลล์ ออลแมน) และซารา แทนเครดิ (ซาราห์ เวย์น คาลลียส์) ผู้หญิงที่ไมเคิลหลงรัก และไมเคิล สโคฟิลด์ได้รับคำมอบหมายให้หาวิธีแหกคุกให้เจมส์ วิสเซิล (คริส แวนซ์) ออกจากคุกโซนา ในครั้งนี้ไมเคิลและวิสเซิลหาวิธีและร่วมมือการหนีออกจากคุก โดยไมเคิลและสโคฟิลด์ได้มีข้อตกลงต่อรองกับคนในเดอะคอมปานี เกร็ตเชน มอร์แกน (โจดิ ลิน โอ'คีฟ) โดยซูเครได้รับงานที่คุกเพื่อช่วยเหลือแผนการในการลักลอบหนีจากคุก

เมื่อไมเคิลพลาดในการหลบหนีจากคุกครั้งแรกในวันเส้นตาย ลินคอล์นพยายามหักหลัง แต่มอร์แกนได้ตัดหัวซาราและส่งหัวมาให้ลินคอล์นเพื่อเป็นการเตือน ในปลายฤดูกาล ที้งคู่ได้หลบหนีออกจากคุกได้ไปพร้อมกับมาโฮน แต่ได้ทิ้งที-แบ็ก และเบลลิก และซูเครได้ถูกจับพิรุจโดยยามในคุกได้ว่าพยายามให้พวกเขาหลบหนีออกจากคุกโซนาไปได้ แอลเจได้ถูกแลกตัวประกันกับวิสเซิลและไมเคิล และไมเคิลก็มีความแค้นต่อเกร็ตเชนสำหรับการตายของซารา





ฤดูกาลที่ 4:




ไมเคิลต้องการล้างแค้นให้การตายของซารา แต่ก็พบว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่และหัวที่ส่งไปให้ลินคอล์นครั้งนั้นเป็นของคนอื่น ไมเคิลก็รู้ความจริงเกี่ยวกับวิสเซิล ว่าเขาทำงานลับให้กับเดอะคอมปานีร่วมกับมาโฮน ในขณะเดียวกับเบลลิก ที-แบ็ก และซูเครก็หลบหนีออกมาจากคุกโซนาได้ โดนัลด์ เซลฟ์ (ไมเคิล ราพาพอร์ต) นักสืบพิเศษได้ร่วมทีมกับไมเคิล และลินคอล์น เช่นเดียวกับซูเคร, เบลลิก และมาโฮน เพื่อนำพาไปสู่เดอะคอมปานี เป็นการแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของพวกเขา ส่วนซาราก็เข้ามาร่วมวง เธอหนีจากเกร็ตเชนมาได้ และโรแลนด์ (เจมส์ ฮิโรยูกิ) แฮกเกอร์ที่ได้รับคำมอบหมายให้ช่วยเหลือพวกเขาหลังจากที่ถูกจับไป พวกเขาพยายามเอาข้อมูลจากเดอะคอมปานี (สกิลลา) ที่สามารถจะทำลายเดอะคอมปานีได้ ในระหว่างนั้น ไวแอต (เครส วิลเลียมส์) นักสืบจากเดอะคอมปานี พยายามที่จะตามรอยไมเคิล ลินคอล์น เมื่อพวกเขาขโมยสกิลลา ได้ เซลฟ์ทรยศพวกเขาและพยายามจะขายสกิลลา แต่ผิดพลาด ก่อนจะถึงช่วงหยุดกลางฤดูกาลแรก พบว่าแม่ของไมเคิลและลินคอล์นยังคงมีชีวิตอยู่และครอบครองสกิลลาด้วย

ในส่วนที่ 2 ของฤดูกาล เริ่มออกฉายวันที่ 17 เมษายน กับตอนที่ชื่อ "SOB" แม่ของไมเคิลที่ชื่อคริสตินนา บอกพวกเขาว่าลินคอล์นไม่ใช่พี่ชายของไมเคิล เธอจัดฉากลินคอล์นและไมเคิล ให้ดูเหมือนพวกเขาสังหารลูกชายของประธานาธิบดีของอินเดีย เพื่อให้เกิดเรื่องการเมืองที่จะเกิดสงครามระหว่างจีนและอินเดียตามมา ซึ่งเธอจะได้ผลประโยชน์จากการขายเทคโนโลยีอาวุธจากสกิลลาจากทั้งสองฝั่ง ตอนจบของตอน "Cowboys and Indians" ไมเคิลได้สกิลลามาครอบครอง แต่ลินคอล์นถูกจับตัวไปโดยพรรคพวกของคริสตินา และซาราก็ถูกนายพลนำตัวไป ไมเคิลจึงต้องเลือกการแลกเปลี่ยนสกิลลาระหว่างชีวิตของซาราและลินคอล์น ในสองตอนสุดท้าย ไมเคิลจัดการช่วยเหลือซาราจากเดอะคอมปานีได้ และยังช่วยเหลือลินคอล์นได้ โดยพวกเขาพยายามหาหนทางหนีและได้รับความช่วยเหลือจาก อดีตเอเยนต์ลับ พอล เคลเลอร์แมนและเพื่อนเก่าได้ เพื่อที่นำสกิลลาไปยัง ยูเอ็น พวกเขาทั้งหมดพ้นผิด ยกเว้นที-แบก ที่กลุ่มลงมติว่าจะส่งเขากลับไปคุกฟ็อกซ์ริเวอร์ ส่วนนายพลแครนตซ์ ถูกส่งไปนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ซีรีส์นี้จบลงโดยเป็นเรื่องอีก 4 ปีข้างหน้า ที่มีการมารวมตัวกันอีกเพื่อนรำลึกถึงวันเสียชีวิตของไมเคิล โดยเนื้อเรื่องการเสียชีวิตของไมเคิล อยู่ในตอน "Prison Break: The Final Break" ที่ไมเคิลเสียสละชีวิตเพื่อให้ซาราหนีพ้นออกจากคุกไปได้